เรื่อยเปื่อย เหงาๆ และไร้สาระไปวันๆ
131 posts
เงื่อนไขความรู้ - รอบรู้ - รอบคอบ - ระมัดระวัง เงื่อนไขคุณธรรม - ซื่อสัตย์ - สุจริต - ขยัน - พากเพียร - มีสติ - อดทน - ความรับผิดชอบ - ฯลฯ ขั้นที่ 1 ขั้นนำ สร้างความสนใจและเร้าความอยากรู้ (ความพอประมาณ) ขั้นที่ 2 ขั้นกิจกรรม ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผั�%B...
ว่าจะรีวิวหลังจากที่กลับมา นี่ผ่านไปสองอาทิตย์สักคำก็ยังไม่เริ่มเลย ...ความขี้เกียจเข้าครอบงำแกสินะ 5555
สรุปที่เราไปมานะ เราไปเจียงฮายมาเจ้า ไปแบบไม่มีรถส่วนตัวนี่แหละ คืออยู่ดีๆ เพื่อนทักแชทมา "เฮ้ยแกร ..ไปแอ่วเหนือกันป่ะ?" ไอ้เรามันคนใจง่าย "เออ..ไปดิ" (แต่ไม่ไปเชียงใหม่นะ เพราะมีแพลนจะไปอยู่แล้วเดี๋ยวมันซ้ำ) พอตกลงปลงใจเสร็จ ตังค์ยังไม่มีเลยตอนนั้น ...ก็หาไปที่ละเล็กละน้อยอะนะ จ่ายไปเรื่อยๆ ค่าตั๋วรถทัวร์ ที่พัก สุดท้ายก็ถึงวันที่เราจะต้องออกทริปละ!
เออ..ลืมเล่าเพื่อนที่ไปด้วย เพื่อนเราจะเป็นคนเงียบๆแปลกๆตามวิถีเค้าแหละ เราไปด้วยกันแต่จะไม่อัพรูปคู่ เพื่อนชอบเข้าใจว่าไปคนเดียว คนเดียวอะไรละคะ? เพือนและเดี๊ยนอินดี้ค่ะ! ไปด้วยกัน นอนด้วยกันนี่แหละจ่ะ (อัพรูปคู่เพื่อนอยู่นะ ..รูปนึง?)
ครั้งนี้เราไปกัน 5 วัน 4 คืน วันสุดท้ายต้องกลับไวหน่อยเพราะกลับวันอาทิตย์แล้ววันจันทร์เพื่อนเราต้องไปทำงาน
เราขึ้นรถสมบัติทัวร์ ขอนแก่น-เชียงราย ถึง บขส เชียงรายตอนตีห้า เราต้องนั่งรถสองแถวเข้า บขส เก่า เพื่อขึ้นรถประจำทางเชียงราย-แม่สาย ไปลงตลาดแม่จันและนั่งรถสองแถวต่อขึ้นดอยแม่สลอง ..ใช่ เราจะพักกันคืนแรกบนดอยแม่สลอง เราเลือกพักที่ลิตเติ้ลโฮม ที่พักโอเคนะ สะอาดและบริการดี แวะพักอาบน้ำสักพักเราก็เริ่มการท่องเที่ยวบนดอยโดนการ..แว้นซ์! ใช่แล้ว! เราสองคนแจ้งกับที่พักก่อนไปถึงไว้แล้วว่าจะขอเช่ามอเตอร์ไซด์จากที่พักซึ่งเราได้ในราคา 200บาท/24ชม. เราเลือกที่จะไปไร่ชาเลยอย่างแรก ที่ใกล้สุดคือไร่ชาวังพุดตาล ก่อนที่จะไป เราเลือกที่จะแวะถ่ายรูปดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ทก่อน (ที่นี่จริงๆเป็นรีสอร์ทแต่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปถ่ายรูป ชมวิว ได้ฟรีค่ะ) ขอเล่าเรื่องทางนิดนึง ...บนดอยน่ะนะ ก็จะเป็นเนินนู่นนี่ ความชันนี่มีพอสมควร ประมาณ 45 องศาได้ ถือว่าชันสำหรับเราแหละ เราก็ถามบนที่พักแหละว่าชันไหม พี่เค้าก็แบบ..เอ้ยไม่ชัน ขับได้ๆ จ่ะ...ชันมากข่าาาา = =" พอขับไปเรื่อยๆจะถึงไร่ชาวังพุดตาล ก็แวะถ่ายรูป ชิมชาฟรี ที่ไร่ชานี่ส่วนใหญ่มีให้ลองชิมฟรีกันแหละ เพิ่งรู้เสน่ห์ของชาก็คราวนี้แหละ .. คือปกติกินแต่ชาฝรั่งไง เราไม่ค่อยชอบชาไทย (เคยกินตอนเด็กแล้วไม่ชอบมันขม) พอชอบนี่คิดนานเลยว่าต้องหอบกลับบ้านไปให้ที่บ้านลองให้ได้ ..ด้วยงบน้อย จึงสอยได้แค่สองชนิด พร้อมกาชงชา (กลับมาบ้านนี่รีบชงอย่างไว ใครๆก็บอกหอมนะ ..นั่นไง ถ้าชงดีๆมันดีจริงๆนะ) ออกจากไร่ชามาก็เย็นละ เราเลยไม่ได้มีเป้าหมายใด นอกจากไปชมพระอาทิตย์ตกที่พระธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ทางขึ้นเจดีย์มีสองทางเลือก คือ แว้นซ์ขึ้นไป(ซึ่งชันเกินไปเพื่อนเราไม่ไป) และ เดินขึ้นบันได 718 ขั้น (ใช่แล้ว..เราต้องเดินขึ้น) จริงๆ เราคิดว่ามันก็ไม่ได้ไกลอะไรนะ ..แต่เดินจริงๆนี่หยุดพักทุก 5 นาที .. พักสี่ห้าครั้งเราก็ขึ้นถึงพระธาตุซักที ความซวยบังเกิด เมื่อเราพบว่า พระธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ข้างบนนั้น ปิดซ่อมปรับปรุง T^T ..เอาน่ะ อย่างน้อยเราก็ได้วิวพระอาทิตย์ตกอย่างสวยงามมาแทน ขากลับเราก็เดินลงมาเข้าที่พักเตรียมนอน .. เนื่องจากอากาศเย็นมาก จากที่ตั้งใจจะดูละคร กลายเป็นหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แหน่ะ เช้ามาเราเก็บของเตรียมลงจากดอยเข้าตัวเมืองเพื่อที่จะไปต่อภูชี้ฟ้า
*****/ทิ้งไว้สามปี เพิ่งคิดได้ว่าเขียนไม่จบ มาต่อเท่าที่จำได้ละกันเนอะ**** ..เรามาต่อรถที่ บขส ในตัวเมืองเชียงราย จริงๆเราเลือกรถตู้จากอ.เมืองไปภูชี้ฟ้าเลย แต่..โชคไม่เข้าข้างเรา คนขับรถตู้ป่วยวันนั้นไม่มีคนขับรถตู้ T^T เราเลือกอีกทางที่ไปได้คือขึ้นสาย เชียงราย-เทิง ลงที่ อ.เทิง แล้วเดินเข้าไปในตลาด หลังตลาดจะมีคิวรถสีฟ้าขึ้นภูชี้ฟ้าคนละ 100 บาท (มั้งนะ..จำราคาไม่ค่อยได้แล้ว) ก็ไปในตลาดแล้วเจอรถอย่างที่ว่าไว้จริงๆ แต่นั่งรอคนเยอะๆ เค้าจะไปทีเดียว กว่าจะไปถึงก็บ่ายกว่าละ เพื่อนชวนไปดอยผาตั้งเค้าว่าพระอาทิตย์ตกสวย เอาวะ!ไหนๆก็มาละ จัดไป แวะที่พักละเหมากระบะไป เดินไกลเหมือนกัน แต่วิวสวยได้ใจจริงๆ อยู่จนพระอาทิตย์ตกก็ค่ำอะเนอะ เราก็รีบกลับที่พัก เพราะพรุ่งนี้เรามีแพลนไปภูชี้ฟ้า ที่พักของเรานั้น ด้วยงบน้อยจึงเลือกที่ถูกๆสรุปที่พักแบบไม่มีอะไรจะพูด... เหมือนเอาไม้มาตีเป็นผนัง แล้วกลางคืนมันหนาวและลม ลมตีทั้งคืน ไม่รู้พักไปได้ไง แต่ก็นะ คืนนึงพอ... พอมาสักตีสามตีสี่ก็ตื่นเพื่อเตรียมความพร้อมไปภูชี้ฟ้ากัน เราไปถึงที่จะเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนตีห้า ซึ่งมืดมากก แต่ก็มีได้ยินเสียงคนคุยกันเป็นระยะ แล้วก็มีน้องเจ้าของถิ่นยืนร้องเพลงชาติด้วยล่ะ (เหมือนเป็นจุดเช็คอิน) พอไปถึงก็นั่งหามุมสวยๆรอดูพระอาทิตย์ขึ้น วันนั้นหมอกลงเยอะมากกก สรุปไม่เจอทะเลหมอก T^T
...เมื่อเรายอมแพ้แล้วว่าไม่เจอทะเลหมอกแน่ๆ สักแปดโมงเราก็พากันลงมาเข้าพักในตัวเมืองเชียงราย2วันก่อนที่จะกลับ โดยไปพักที่บ้านนอนเพลินเพื่อที่จะเที่ยวในเมือง เจ้าของที่พักใจดีมาก เราเช่ามอเตอร์ไซด์ไปตามแผนที่ บ้านดำ วัดร่องขุ่น วัดแถวๆนั้น และตอนเย็นเรามีเพลนที่จะไป...สิงห์ปาร์ค! ซึ่งกำลังมีเทศกาลดนตรีพอดี ซึ่งดี ดีมาก สนุกมาก ตอนนี้ยังอยากไปอีกเลย เราว่าเค้ามีการรับมือกับคนจำนวนเยอะได้ดีนะ วันถัดมาเราก็ไปตามหาข้าวซอย ร้านกาแฟตั่งต่าง และเครื่องปั้นที่บ้านดอยดินแดง ...เราซื้อจาน แก้วชงกาแฟกลับมาด้วยแหละ พอตกเย็นเราก็มาดูหอนาฬิกาเปลี่ยนสี สวยจัง... ค่ำๆสักหน่อยเราก็ไปเดินถนนคนเดินเมืองเชียงรายเพื่อหาซื้อของฝากกลับบ้าน เช้าวันถัดมาก็ถึงวันที่ต้องบอกลาเชียงรายซะละ ....ไว้คราวหน้าจะมาใหม่นะ :)
/dadook // 9 Jan 2020
i hope it’s gonna be OK...
ไม่ได้เข้ามานานแล้วจริงๆ
That hairstyle is everything
ขอบความดาร์คมากกว่าความสว่างสินะ
#บ้านดำ #chiangrai #thailand #amazing
คิดถึงอากาศเย็นๆ
-การไปด้วยรถสาธารณะเป็นอะไรที่ควบคุมเวลาได้ยาก
-หากร่างกายยังแข็งแรงควรจะลอง
-ตอนเดินทางมันไม่สะดวกสบายนักหรอก
-แต่พอกลับมาคุณจะมีเรื่องเล่ามากขึ้นเยอะเชียวละ :)
#เชียงราย
6:30am ,it’s still hot in the morning! 🌡
ก่อนที่เราจะเข้าม.1 พี่ชายเราเข้าม.1 ก่อนเรา และต้องเข้าไปพักในตัวเมืองเนื่องจากบ้านเราอยู่ต่างอำเภอ และมีบ้านป้า(ฝั่งพ่อ)อยู่ทางไปโรงเรียนพอดี พ่อเลยให้พี่ชายไปพักกับป้า เป็นบ้านสองชั้น ป้าอยู่กับลูกสาวกันสองคน แต่ไปพักได้เทอมเดียวก็เกิดเรื่อง
พี่ชายเราเป็นไข้เลือดออก ..
ปกติพี่เราจะไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก .. สอบถามมาได้ความว่า
ป้าให้พี่เรานอนตรงระเบียงบ้านทุกคืน!ไม่มีมุ้ง ไม่ให้นอนในห้อง (นี่มันอะไรกัน)
แม่ถึงกับไม่ไหวแล้ว อยู่หอพักเถอะถ้าญาติๆจะทำกับเด็ก12ขวบได้ขนาดนี้ ..
เราเป็นคนต่อมาที่ได้เข้าไปเรียนในเมืองต่อ หลังจากนั้นแม่ส่งเข้าหอพักหมด..แม่บอกไม่ไว้ใจอะไรแล้ว
how can two such people exist
Into the clouds.✈️
i ❤️ desserts...
Somewhere in Chiang Mai,thailand ...
วันที่สอง
หลังจากวันแรกเราไปเที่ยวดอยอินทนนท์คนเดียวเรียบร้อยแล้ว
วันที่สองเราตั้งใจเที่ยวรอบเมืองเชียงใหม่
...โดยการแว้นซ์!!!
เริ่มของวันเราเดินไปเช่ามอไซด์ วันละ 250 บาท
วันนี้เรากะจะตระเวณของกินโดยเฉพาะ ร้านที่ตั้งเป้าไว้จะเป็นพวกกาแฟ
(ตั้งใจมากินกาแฟภาคเหนือโดยเฉพาะ ..มันฟินจริงๆนะ)
ร้านแรกที่เราตั้งเป้าไว้คือร้านกาแฟอาข่าอาม่า ..คือตอนมาครั้งก่อนแล้วได้มาลอง ติดใจมาก ..กลับมาครั้งนี้ต้องมาลองอีกครั้ง
...เราแว้นซ์ไปตามแผนที่ googlemaps (ต้องขอบคุณแอพนี้ถ้าไม่มีนี่เที่ยวเชียงใหม่ยากมากนะขอบอก) ...พอถึงแล้วเราสั่งมอคค่าร้อนมาพร้อมกับขนมหวานชิ้นนึง
กาแฟคุณพี่เค้ายังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ...แต่ขนมหวานไปนะ ..สำหรับเราขนมไม่โอเค อาจด้วยเพราะส่วนตัวไม่ค่อยกินหวาน
หลังจากนั้นเราก็ออกแว้นซ์ต่อไปทัวร์วัด (เพราะกะจะไปถนนคนเดินอยูแล้ว..)
-ตอนแรกเราไปวัดพระสิงห์ ..พอดีไปเจอเค้ากำลังสร้างเจดีย์ใหม่เลยได้โอกาสทำบุญซะเลย...
-หลังจากนั้นเราเดินต่อไปที่วัดเจดีย์หลวง ..คือเจดีย์ใหญ่มาก
-เริ่มค่ำละ เราก็เดินออกจากวัดเป็นถนนคนเดิน เพราะอยู่แถวๆวัดนั่นแหละ
-ไม่เจอคนไทยเลย นับคนได้ที่พูดภาษาไทย ต่างชาติเยอะมากกก
คนเยอะมากกก...
เป็นทริปที่สนุกดี...ถ้ามีโอกาสได้ไปอีกครั้งคงจะดีนะ ^^
ทริปนี้ผ่านมาได้สักพักละ ... เราไปมาเมื่อ ปลายเดือนมกราคม2558 ที่ผ่านมา
(จริงๆ ทริปนี้วางแพลนว่าจะไปกับน้องสาว จองตั๋วอะไรไว้เรียบร้อยแล้ว แต่โดนทิ้งตินไปถึงเชียงใหม่ละ เพราะน้องไปหาเพื่อนซะงั้น เลยแยกกันเดินทาง)
เอาละ... มาเข้าสู่ทริปของเรา
พอถึงเชียงใหม่ปุ๊บ เราหาที่พักแถวๆนิมมาน เพราะเดินได้ ไม่ไกลมาก ร้านอาหารเยอะ แล้วพอดีหาข้อมูลก่อนไป เจอเวปๆนึงบอกว่าเราสามารถเช่ามอไซด์แว้นได้ ...เข้าทางเราละ ไปคนเดียวด้วย แว้นซ์สนุกสนานแน่ๆ
ทริปนี้เราไปสามวันด้วยกัน
วันที่ 1 ตั้งเป้าไปดอยอินทนนท์ ตื่นตีห้ารีบขึ้นรถสองแถวต่อไปลงตีนดอย กะจะหาคนหารขึ้นไปบนดอยด้วยกัน
....สรุปว่าพลาด! เราไปถึงตอน9โมง ซึ่งตอนนั้นไม่มีรถขึ้นดอยแล้ว คิวรถไม่มีรถเลย เราหาคนหารไม่ได้เลย อาจจะเพราะด้วยอะไรไม่รู้ ไหนๆก็ไปถึงที่แล้ว เราเลยตัดสินใจเหมาขึ้นคนเดียว
ได้คุณลุงคนนึงพาขึ้นไป ...คุณลุงขับรถสองแถว ไปกันกับคุณลุงสองคน ตอนแรกกลัวนะ เพราะเราเป็น ผญ คนเดียวไง แต่ก็ดีไปอย่าง การเหมารถคนเดียวทำให้เราตัดสินใจจะไปไหนก็ได้ ไม่ต้องรอใคร แค่บอกคุณลุงพร้อมที่จะพาไปทันที คุณลุงเป็นคนในพื้นที่เลยได้ขึ้นไปโดยไม่ต้องจ่ายค่าขึ้นอุทยาน(เพราะลุงบอกว่าพาหลานมาเที่ยว55) จริงๆคุณลุงมีสวนด้วย แต่ก็รับจ๊อบด้วยว่างๆ
-คุณลุงเป็นไกด์ที่ดีเลยนะ เล่าให้ฟังทุกอย่างเลย เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนนึงเลยแหละ
-วันที่ขึ้นดอยเริ่มแรกคูณลุงไปส่งขึ้นดอยอินทนนท์ก่อน เพราะสายแล้ว เดี๋ยวไม่ได้สัมผัสอากาศหนาว ...
-หลังจากนั้นวางแผนไปต่อที่ขุนวาง ..ใช่ๆ ซากุระเมืองไทยอะไรนั่นแหละ คนเยอะมโหฬาร รถติดมาก เราต้องลงเดินไปทางเข้าขุนวาง ทางก็ชัน เหมือนเดินขึ้นเขาเลย เหนื่อยมากกก
สวยเชียว
ชมพู๊...ชมพู
-ต่อจากนั้นไปน้ำตก สวยสวย บลา บลา บลา...เยอะแยะจริงๆ
(มีต่อ...)
/ณ ที่ห้องพัก
แม่โทรมาปลุกตอนแปดโมงตามปกติ เพื่อที่จะให้เราตื่นขึ้นรถกลับบ้านวันนี้
แต่แม่ก็โทรมาอีกครั้งตอนเก้าโมง เราก็นึกว่าโทรมาปลุกตามปกติ
เรา : ฮัลโหลแม่ ตื่นแล้ว
แม่ : จะกลับดีไหมล่ะวันนี้
เรา : ทำไมล่ะแม่
แม่ : พ่อรถลงน่ะสิเท้าหัก
เรา : ห้ะ!
แม่ : เนี่ยกำลังจะไปโรงพยาบาล
เรา : เดี๋ยวๆๆ... แล้วพ่อเป็นไรมากไหม ไหนขอคุยกับพ่อหน่อย
/ตัดภาพมาที่พ่อ
พ่อ : ฮัลโหล
เรา : พ่อเหรอ.. เป็นยังไงทำไมแม่บอกเท้าหักแล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าปวดไหม
พ่อ : ไม่หนิ พ่อไม่ได้เท้าหัก แม่แกน่ะพูดเกินไป พ่อนิ้วเท้าก้อยหัก เขาเลยจะส่งตัวไป รพ ไปตัดแต่งนิ้วให้นี่แหละ
..ไอ้เราก็เบาใจไป
เรา : แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วที่อื่นล่ะเจ็บรึเปล่า
พ่อ : เจ็บเฉพาะที่ปวดน่ะแหละ นี่นะ..เค้าไม่ให้กินข้าว จะส่งตัวไป รพ ตัดแต่งกระดูกนิ้วหมอเลยไม่ให้กิน ..บลา บลา บลา
แล้วก็บ่นเรื่องหิวข้าวชุดนึง งั้นคงไม่ได้เป็นอะไรมาก มีแรงบ่น เบาใจไปเปลาะนึงอะนะ
/อาบน้ำขึ้นรถกลับบ้าน
หวานไปหน่อย..
Fresh
จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่ ....วันหนึ่งในการเม้ามอยตามประสา
เพื่อนชวน"เฮ้! ไปงานกฐินกัน ปีนี้บ้านเราจัดงานกฐิน และน้องเราบวช"
เราแบบ เฮ่ย..คือตอนนั้นอยากไปนะ แต่ไม่รู้จะลาหยุดได้รึเปล่า
อีกอย่างเพื่อนซี้เราไง อยากทั้งไปดูไปช่วย(ซึ่งไม่รู้จะช่วยได้ไหมนะ55)
ก็ตกลงไปแล้วแหละ พยายามหาวันไป อยากรู้เหมือนกันว่างานบวช+งานกฐิน จัดพร้อมกันมันจะยุ่งขนาดไหน แต่ที่รู้ๆงานช้างแน่ๆ
เราไป 3 คืน นอนคืนแรก แห่นาควันที่สอง วันที่สามเทศนาธรรม วันที่สี่แห่กฐินไปวัด เสร็จแล้วกลับ ....
ตอนนี้กลับมาแล้ว ...จากที่ไปมา รู้เลยว่ามันเหนื่อยจริงๆ
การเป็นเจ้าภาพจัดงานแต่ละงานมันไม่ง่ายเลยจริงๆ เราอยากช่วยนะแต่ไม่รู้จะช่วยอะไรได้บ้าง ไม่รู้จักใครเลย ญาติเพื่อนเยอะมาก เราความจำสั้นด้วยไง รู้สึกจะไหว้สวัสดีซ้ำหลายรอบอยู่นะ 55 บอกให้ทำอะไรก็ทำหมดแหละ แต่ถ้ามันโหดไปเราก็เลี่ยงเบาๆ จากปกติไม่เคยตื่นเช้าเลย นี่ตื่นตีห้านะจ้ะ(ขออวดนิดนึง) ชาวบ้านทำอาหารเตรียมตั้งแต่ตี 3 โหดกันจริงๆ แขกมางานเร็วมาก 7 โมง แขกก็เริ่มทยอยมาแล้ว
งานบวชที่นี่เริ่มแรกมีปลงผมนาคเช้า แห่ช่วงบ่ายรอบหมู่บ้านสองชั่วโมง และบวชเสร็จตอนทุ่มกว่า ยาวนานมากๆ กลับไป สลบ
งานกฐินตอนรับแขกนี่เรามีหน้าที่ให้ของชำร่วยแก่แขกที่มางาน(ขนมจีน ข้าวต้มมัด) นี่ให้ผิดๆถูกๆหลายครั้งมาก เพราะให้ไปบางที่ก็เป็นญาติเพื่อนที่มาช่วยงาน (แป่ว) แต่ที่นี่เค้าบริจาคข้าวด้วยนะ ทุกคนจะถือขันเงินใส่ข้าวดิบพร้อมกับซองกฐินมาด้วย เค้าก็จะเทข้าวรวมกันลงในกระสอบแล้วนำไปบริจาควัดด้วย ส่วนหลังงานนี่นับซองรวมงานกฐินจนตาลาย หนุกหนาน นับแบงค์ผิดๆถูกๆก็ลายครั้ง นอนแล้วเพื่อนต้องตื่นไปจัดต้นเงินตอน01:30น. ไอ้เรานอนหลับสบายตื่นอีกทีตีห้าซะงั้น
เช้าอีกวันจัดต้นเงินเสร็จ เตรียมแห่ไปวัดตอนเก้าโมง อีหลุกขลุกขลักไปบ้าง แต่ก็ไปถึงวัด มีพิธีนู่นนั่นกว่าจะเสร็จก็เกือบเที่ยง กลับมาที่งาน เค้ามาเก็บเต้นท์กินข้าวไปบางส่วนแล้ว ดีอยู่นะจัดการเก็บของรวดเร็วดี เคลียร์เสร็จจริงทุกคนกลับมาตาแทบจะปิด ต้องขอบคุณเพื่อนมากที่ตาแทบจะปิดแล้วยังขับรถมาส่งเราอีก (ซึ้ง)
งานนี้อยู่จนจบเลยทีเดียวทั้งสนุกและเหนื่อยมากๆ แต่ก็เป็นความทรงจำที่ดีเลยเชียวละ ขอบคุณนะที่พาไปทำอะไรดีๆแบบนี้ ^^
...งานบวชน้องแจ็ค...
....ต้นเงินงานกฐิน...
คือเห็นหน้าคนนี้นึกถึงกังนัมสไตล์อย่างเดียว ไม่เคยที่จะลองเปิดฟังเพลงอื่นของเขาเลย วันนี้อะไรยังไงไม่รู้ เปิดเพลงในยูทูปวนไปเรื่อยๆ เจอเพลง PSY (FEAT. PARK JUNG HYUN) -- WHAT WOULD IT HAVE BEEN LIKE (어땠을까) เลยลองเปิดฟังดู เฮ้ย!เพลงน่ารัก กิ้บกิ้วใสๆมาก คนละแนวกับเพลงกังนัมสไตล์ของพี่แกเลยนะเนี่ย บางทีการไม่คาดหวังอะไรเลยมันก็ดีไปอย่างนะ เพราะมักจะทำให้เรามีความรู้สึกเกินคาดได้เสมอ ^^
Hong Jong Hyeon & Lee Soo Hyuk in 2NE1 -FALLING IN LOVE
BIGBANG - YG Family Power Tour Promos!
Lychee Frappé ...